สรุปเนื้อหาสำคัญ
– นายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตามมาตรา 5 ในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม 2563 ถึงวันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน 2563
– ยังไม่มีการประกาศเคอร์ฟิวหรือสั่งปิดสถานที่ใดเพิ่มเติม ข้อกำหนดต่าง ๆ จะถูกประกาศตามมาในภายหลัง
– ยืนยันว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเปิดบริการของร้านค้าและธุรกิจที่จำเป็นต่อการดำรงชีพของประชาชน
———————————————-
จากแถลงการณ์ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย รัฐบาลได้มีมติเอกฉันท์ในการ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตามมาตรา 5 ในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม 2563 ถึงวันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน 2563
ข้อกำหนดต่าง ๆ จะมีประกาศในเวลาต่อไปแต่ผลจากการประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้คือรัฐบาลสามารถใช้อำนาจตามช่องทางกฎหมายได้อย่างรวดเร็วขึ้น เช่น การโอนอำนาจรัฐมนตรีมาเป็นของนายกฯ เพื่อความว่องไวในการปฏิบัติหน้าที่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19
ทั้งนี้ ได้มีการแบ่งหน้ารับผิดชอบดังต่อไปนี้
-ปลัดกระทรวงสาธารณสุขจะรับผิดชอบงานด้านสาธารณสุข
-ปลัดกระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบด้านการสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ และผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ
-ปลัดพาณิชย์รับผิดชอบด้านการควบคุมสินค้าและเวชภัณฑ์
-ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ รับผิดชอบงานด้านการต่างประเทศและการคุ้มครองช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ
-ผู้บัญชาการทหารสูงสุดรับผิดชอบ ด้านความมั่นคง การปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ
โดยผู้ที่รายงานต่อประชาชนจะต้องเป็นนายกรัฐมนตรีหรือคนที่มอบหมายโดยนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
ข้อกำหนดที่ออกมาหลังจากนี้อาจรวมไปถึงการออกข้อห้ามหรือข้อปฏิบัติบางอย่าง เช่น การห้ามเข้าพื้นที่หรืออาคารสถานที่, การห้ามรวมกลุ่มของผู้คน เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการหยุดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสและเพื่อความปลอดภัยของประชาชน โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่าการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินในตอนนี้จะไม่มีการสั่งปิดร้านค้าหรือธุรกิจที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ
ในด้านการสื่อสารข้อมูลจากรัฐบาล จะปรับปรุงให้การสื่อสารมีความถูกต้องชัดเจนและครบถ้วน โดยจะมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์เพียงวันละ 1 ครั้ง ขอความร่วมมือให้ภาคประชาชนรับข่าวสารจากสื่อของรัฐบาลเป็นหลัก และขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนให้รับผิดชอบในการเสนอข่าว
ต่อจากนี้ไปมาตรการที่รัฐจะออกมา จะมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น อาจจะส่งผลกับการดำรงชีวิต แต่อยากขอความร่วมมือจากทุกคนให้ปฏิบัติตาม บางคนอาจรู้สึกสูญเสียสิทธิและเสรีภาพบางประการไปบ้าง แต่อยากให้ยึดความปลอดภัยของตนเองและคนรอบข้างเป็นหลัก
นายกรัฐมนตรีทิ้งท้ายว่าขอให้คนไทยสามัคคีและช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน ประเทศไทยจะชนะโรคร้ายและวิกฤตการณ์ในครั้งนี้อย่างแน่นอน