เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ปิยบุตร แสงกนกกุลเข้าพบหารือกับกองบรรณาธิการเนชั่นทีวี และหนังสือพิมพ์คมชัดลึก เพื่ออวยพรปีใหม่ และพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมือง
นายปิยบุตร กล่าวตอนหนึ่งถึงทิศทางคดียุบพรรคอนาคตใหม่ว่า การยุบพรรคถูกทำให้กลายเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนกับเรื่องงูเห่า ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องใหญ่มากในระบอบประชาธิปไตยที่สำคัญการยุบพรรคที่หลายคนคาดการณ์ว่าจะยุบพรรคอนาคตใหม่แน่นอนนั้น ส่วนใหญ่ไม่ได้พูดถึงเรื่องข้อกฎหมาย แต่เป็นการพูดโดยข้อมูลทางการเมืองเป็นหลัก
ส่วนตัวมองว่าการยุบพรรคในประเทศไทยมีจุดประสงค์ 2 อย่างคือ1. เพื่อทำให้ ส.ส.ที่อยู่พรรคนั้นเปลี่ยนข้างซึ่งก็เคยทำสำเร็จมาแล้วกรณียุบพรรคพลังประชาชน แล้วทำให้กลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ เปลี่ยนข้างมาสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ2.เพื่อทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมืองอย่างกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร
ฉะนั้นหากต้องการทำให้การยุบพรรคไม่มีผลอะไรในทางการเมือง ก็ต้องดำเนินการ 2 อย่าง ซึ่งตนก็ดำเนินการอยู่ คือ1. พยายามรักษา ส.ส.เอาไว้ให้ได้มากที่สุด แล้วย้ายไปพรรคใหม่ด้วยกัน กับ 2. ยึดมั่นอุดมการณ์ทางการเมืองต่อไป
โดยในส่วนของกรรมการบริหารพรรคที่เป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จำนวน 10 คน จาก 15 คนนั้น ได้พิจารณาแนวทางลาออกจาก ส.ส.เพื่อเลื่อนผู้สมัครในบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน แต่สุดท้ายตัดสินใจว่า จะไม่ลาออกเพราะถึงแม้จะดำเนินการไป ศาลก็อาจตีความตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ณ วันที่อ้างว่ากระทำผิด ไม่ใช่ ณ วันที่มีคำพิพากษาได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น การลาออกก็ไม่มีผลอะไร ซ้ำยังเป็นการแสดงท่าทีเหมือน “ยอมแพ้” อีกด้วย
สำหรับ ตนเอง และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคนั้น หากพรรคถูกยุบและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพรรคใหม่อีก โดยจะให้แกนนำแถว 2 ทำพรรคต่อไปและเดินหน้าทำงานในสภาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพรรคยังมีบุคลากรพร้อม เพราะหากเข้าไปยุ่งเกี่ยว อาจมีคนไปยื่นยุบพรรคใหม่ซ้ำอีก ในข้อหาครอบงำพรรคการเมือง
สำหรับบทบาทของตนและนายธนาธร ก็จะเดินหน้าทำงานการเมืองนอกสภา อาจจะทำในรูปมูลนิธิ และเคลื่อนไหวรณรงค์ในเชิงประเด็น โดยไม่ได้มีเป้าหมายล้มล้าง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือรัฐบาลโดยประเด็นที่จะเคลื่อนไหวมีมาก ที่คิดไว้ก็ 4-5 ประเด็น ได้แก่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ การยกเลิกการเกณฑ์ทหารโดยการบังคับ การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน และการยกเลิกการผูกขาดโดยกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ ซึ่งจะเริ่มจากธุรกิจน้ำเมานำร่องก่อน
นายปิยบุตร ยังมองว่า การเคลื่อนไหวนอกสภาไม่ได้มีเจตนาล้มรัฐบาล รวมถึงการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ หรือ “วิ่งไล่ลุง” ด้วย และคิดว่าปรากฏการณ์การชุมนุมขนาดใหญ่คงไม่เกิดในเร็วๆ นี้ แต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นกับรัฐบาลด้วยเพราะเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวนอกสภามากขึ้น อยู่ที่รัฐบาลทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ปัญหาเศรษฐกิจ และการกระทำสองมาตรฐาน หรือเลือกปฏิบัติ ฝ่ายหนึ่งโดนตลอด อีกฝ่ายไม่เคยโดนอะไรเลย เพราะสิ่งเหล่านี้ประชาชนทั่วไปรู้และสัมผัสได้
นายปิยบุตร ยังบอกด้วยว่า ไม่อยากให้ใช้การยุบพรรคเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อกำจัดพวกตน เพราะสิ่งที่พวกตนทำ คือการตั้งพรรคอนาคตใหม่ นำ ส.ส.คนรุ่นใหม่เข้าสภา และการพยายามทำการเมืองแบบใหม่ อภิปรายแบบมีสาระ มีข้อมูล เหล่านี้ไม่ใช่หรือที่เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายรวมทั้งสื่อมวลชนเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปการเมือง ถึงกับยอมให้ คสช.ทำรัฐประหารก่อน เพื่อให้เกิดการปฏิรูป แต่วันนี้พวกตนยังไม่ได้ทำอะไรเลย ยังไม่ได้บริหารบ้านเมือง ยังไม่ได้เป็นรัฐบาลแม้สัก 1 สมัย กลับมายุบพรรค ซึ่งด้านหนึ่งก็อาจทำให้เกิดการเคลื่อนไหวนอกสภามากขึ้นนั่นเอง
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ยังย้อนอดีตยุคที่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นรัฐบาล มีการออกนโยบาย 66/23ดึงนิสิตนักศึกษา คนรุ่นใหม่ที่เห็นต่างและหนีเข้าป่าให้ออกจากป่ามาร่วมกันทำงานเพื่อบ้านเมือง และใช้กลไกของสภาดึงคนเหล่านี้เข้ามา ซึ่งในยุครัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ก็สานต่อด้วยการตั้งทีมที่ปรึกษา “บ้านพิษณุโลก”ถือเป็นความสำเร็จในการดึงคนที่คิดต่าง หรือคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานสร้างการเปลี่ยนแปลงให้บ้านเมืองจึงอยากฝากไปยัง พลเอกประยุทธ์ ให้คิดในมุมเหล่านี้บ้าง
แต่หากผู้มีอำนาจในบ้านเมืองยังคิดแบบเก่า มองคนรุ่นใหม่หรือคนที่คิดต่างเป็นภัยต่อความมั่นคง เป็นพวกชังชาติ ใช้มุมมองในยุคสงครามเย็น ก็ย่อมเป็นการเสียโอกาส และหากยิ่งผลักให้คนที่คิดเห็นแตกต่างไม่มีเวทีในสภา ก็ต้องไปเคลื่อนไหวนอกสภา ถ้ามีเงื่อนไขบางอย่างเกิดขึ้น อาจทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Crash generation หรือการปะทะกันระหว่างคนต่างเจนเนอเรชั่นได้ ซึ่งไม่รู้จะไปจบลงตรงจุดไหน
นายปิยบุตร ย้ำด้วยว่า ตนและนายธนาธร รวมถึงพรรคอนาคตใหม่ ยึดมั่นในระบอบรัฐสภา ต้องการทำงานการเมืองในสภา จึงตั้งพรรคการเมืองและส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ฉะนั้นจึงขอให้เชื่อใจ และการเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตาม หากทำในระบบรัฐสภา จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงน้อยที่สุด จึงอยากขอให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้มีอำนาจได้พิจารณาในประเด็นนี้ด้วย
เมื่อถามว่าพร้อมพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้มีอำนาจหรือไม่ และอยากคุยกับใครมากที่สุด นายปิยบุตร ตอบว่า พร้อมคุยกับทุกคน ใครก็ได้ และมีคนเคยเสนอให้พูดคุยกับพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกซึ่งตนก็พร้อม แต่ไม่ทราบว่า ผบ.ทบ.อยากคุยกับตนหรือไม่
ดูข่าวต้นฉบับ
ออกแบบถูก.com เป็นบริการคุณภาพทางด้านการออกแบบ รับออกแบบป้ายไวนิลทุกชนิด พร้อมจัดส่งถึงที่ ด้วยราคาที่ถูก สอบถามราคาได้ตลอดเวลา เพราะเป็นผู้นำการทำป้ายไวนิล อันดับ 1 ของไทยจากการจัดอับดับของ google
ป้าย ไว นิล 2 เมตร
ราคา ป้าย กองโจร
รับ ติด ตั้ง ป้าย โฆษณา outdoor