แมนซิตี้ระวังให้ดี! 7 เหตุผลที่ลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก

ถึงตอนนี้ โอกาสที่ ลิเวอร์พูล จะเหมาคว้าสี่แชมป์ในซีซั่นเดียวกันส่อเค้าเลือนรางลงไปแล้วหลังจากเกมล่าสุดพวกเขาทำแต้มหล่นกับ สเปอร์ส จนโดน แมนฯ ซิตี้ ฉีกหนีไปสามแต้ม

อย่างไรก็ดี ในเมื่อระฆังยกสุดท้ายยังไม่ดังขึ้น หงส์แดง ก็ยังมีสิทธิ์ลืมตาอ้าปากได้หากว่า เรือใบสีฟ้า จะออกอาการสะดุดเข้าให้บ้างเหมือนกัน

ต่อการขับเคี่ยวแย่งแชมป์ลีกเมืองผู้ดีของสองทีมนี้ มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วในซีซั่น 2018/19 ซึ่งทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เฉือนเอาชนะทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไปแบบเฉียดฉิวแค่แต้มเดียวเท่านั้นหลังกำชัยได้กราวรูดใน 14 นัดสุดท้ายป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ

และแม้ถึงขณะนี้ซึ่งเหลืออีกสามนัดสุดท้าย แมนฯ ซิตี้ จะมีอัตราต่อรองการคว้าแชมป์แบบนอนมา 1-10 บ้าง 1-9 บ้าง ต่างไปจาก ลิเวอร์พูล ซึ่งถูกเพิ่มราคาจ่ายเป็น 6-1 แต่ในเมื่อซีซั่นยังไม่จบจึงมีเหตุผลที่อาจดลบันดาลให้ หงส์แดง สมหวังดังนี้

โฆษณา – อ่านบทความต่อด้านล่าง

1.เรือใบ หลังโหว่

โฆษณา – อ่านบทความต่อด้านล่าง

หลังพาทีมถล่ม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กระจุย กวาร์ดิโอล่า เผยออกมาเองเสร็จสรรพแบบไม่มีเม้มว่าสามกองหลังทั้ง รูเบน ดิอาส , ไคล์ วอล์คเกอร์ และ จอห์น สโตนส์ มีปัญหาบาดเจ็บ และหมดสิทธิ์ลงเล่นในอีกสามเกมสุดท้ายแล้ว

จากการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว ดูเหมือนกุนซือสแปนิชจะมั่นใจซะเต็มประดาว่า แมนฯ ซิตี้ เอาอยู่สำหรับปัญหาในแนวรับ แต่สมมุติว่าในเกมที่เหลือ เรือใบสีฟ้า ดันมีกองหลังล้มเจ็บเพิ่มอีก หรือว่าจับผลัดจับพลูมีใครโดนไล่ออก หรือติดโทษแบนก็รับรองได้เลยว่าทีมเงินถังวุ่นแน่ที่ต้องรับมือกับความกดดันตรงนี้

และที่คัญ กวาร์ดิโอล่า เผยเองด้วยว่า นาธาน อาเก้ ยังมีปัญหาที่ข้อเท้า เลยไม่ได้ถูกเปลี่ยนลงไปแทน ดิอาซ ในเกมบู๊กับ สาลิกาดง แม้จะมีชื่อนั่งอยู่ในซุ้มก็ตามโดยที่ แฟร์นานดินโญ่ ถูกส่งลงสนามแทน

ประกอบกับอีกสองเกมข้างหน้า เรือใบสีฟ้า ต้องออกไปเยือน วูล์ฟส์ และ เวสต์แฮม ซึ่งมีเกมรุกไม่ธรรมดาซะด้วย จึงน่าลุ้นซะจริงๆว่า แมนฯ ซิตี้ จะโดนหมัดเด็ดของทีมคู่แข่งเล่นงานเข้าให้หรือเปล่า

โฆษณา – อ่านบทความต่อด้านล่าง

2.โมลินิวซ์

บอกเลยว่าสนาม โมลินิวซ์ กราวน์ ไม่ใช่สังเวียนแข้งที่ กวาร์ดิโอล่า จะสมหวังกับชัยชนะแบบง่ายๆ

มันเป็นเพราะว่าสามครั้งหลังที่ แมนฯ ซิตี้ บุกไปเยือน วูล์ฟส์ พวกเขาไม่อาจคว้าชัยได้ถึงสองครั้ง

แม้จะเป็นทีมน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา แต่ทีม หมาป่า แบ่งแต้มกับ เรือใบสีฟ้า ได้ด้วยผลเสมอ 1-1 ในเกมเมื่อเดือนส.ค.2018 โดยที่ วิลลี่ โบลี่ ซัดให้ทีมเจ้าบ้านนำก่อนด้วยในนาทีที่ 57 แต่ เอมเมอริค ลาปอร์กต์ ตีเสมอให้อาคันตุกะได้ในนาทีที่ 69

จากนั้นในซีซั่นต่อมา ทีมของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ ก็ได้เฮกันแบบเต็มเสียงจากการสยบ แมนฯ ซิตี้ 3-2 โดยทีมของ กวาร์ดิโอล่า เหลือสิบคนตั้งแต่นาทีที่ 12 จากการได้ใบแดงของนายทวาร เอแดร์ซอน

และที่สำคัญ ในซีซั่นเดียวกันนี้ ทีม หมาป่า มีคิวบุกไปเยือน เอติฮัด สเตเดี้ยม มาก่อนแล้ว แถมชนะ 2-0 ซะด้วย จึงเท่ากับว่าพวกเขาเอาชนะ เรือใบสีฟ้า ได้แบบไปกลับเหมือนซีซั่นนี้ที่ สเปอร์ส ทำได้สำเร็จจากสองกุนซือทั้ง นูโน่ และ อันโตนิโอ คอนเต้

3. คอเนอร์ โคดี้

ไม่เพียงจะถือกำเนิดในเมอร์ซีย์ไซด์เท่านั้น แต่กองหลังกัปตันทีม วูล์ฟส์ ยังเป็นแฟนบอล ลิเวอร์พูล และเป็นเด็กในอะคาเดมี่ของ หงส์แดง อีกต่างหาก

แม้จะปฏิเสธข่าวลือกับอดีตสโมสร พร้อมทั้งยืนยันว่าเล่นเต็มที่ทุกครั้งที่ปะทะกับ เร้ด แมชีน แต่ในเมื่อมีโอกาสช่วยงานทีมเก่า มีหรือที่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีม วูล์ฟส์ จะไม่คิดเอาชนะ แมนฯ ซิตี้

ยิ่งไปกว่านั้น กองหลังทีมชาติอังกฤษเคยพังประตู แมนฯ ซิตี้ มาแล้วเมื่อซีซั่นก่อนซึ่งทีม หมาป่า บุกไปแพ้ยับ 4-1 อีกทั้งในซีซั่น 2019/20 ซึ่ง วูล์ฟส์ ชนะทีมของ กวาร์ดิโอล่า ได้ทั้งสองนัด เขาก็ลงเล่นทั้งสองเกมครบทั้ง 90 นาที

4.เวสต์แฮม

แม้ เดวิด มอยส์ จะมีสถิติที่ย่ำแย่ในการบุกไปฟัดกับทีมในกลุ่มบิ๊กซิกซ์ แต่หากเป็นเกมเหย้า เขาพร้อมสร้างความวิบัติให้กับผู้มาเยือนทุกราย

และเป็นแฟนบอล ลิเวอร์พูล นี่แหละที่ตระหนักกันอย่างถ่องแท้เนื่องจากทีมโปรดของพวกเขาแพ้ในลีกเกมแรกของซีซั่นนี้ด้วยการบุกมาโดน ขุนค้อน ทุบ 3-2 ที่ ลอนดอน สเตเดี้ยม เมื่อเดือนพ.ย.ก่อนออกไปแพ้ เลสเตอร์ 1-0 ในเดือนถัดมาซึ่งเป็นความปราชัยในลีกสองเกมของ หงส์แดง จนถึงขณะนี้

ขณะเดียวกัน หลังตกรอบตัดเชือกถ้วย ยูโรปาลีก เดอะ แฮมเมอร์ส ก็หวังแซงหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นรั้งอันดับหกของตาราง พรีเมียร์ลีก แทนเพื่อคว้าโอกาสแก้ตัวถ้วยดังกล่าวในปีหน้าอีกหน

จากความมุ่งมั่นที่หวังคว้าแชมป์ยุโรปเต็มเปี่ยม ทำให้ทีมจากเมืองกรุงมีผลงานใน พรีเมียร์ลีก ไม่สู้ดีโดยใน 12 นัดหลังสุดพวกเขาแพ้ไปถึงหกนัด และเสมอสามนัด

อย่างไรก็ดี ในเมื่อตกรอบฟุตบอลยุโรปไปแล้ว เวสต์แฮม ก็น่าจะกลับมามุ่งมั่นในอีกสองเกมที่เหลือ และมันเริ่มจากเกมก่อนหน้านี้ไปแล้วซึ่งพวกเขาบุกไปถล่ม นอริช ยับเยิน 4-0 เมื่อวันอาทิตย์

5.สตีเว่น เจอร์ราร์ด

จากสถานการณ์ล่าสุด แอสตัน วิลล่า รั้งอันดับกลางตาราง และไม่มีอะไรเป็นเดิมพันแล้ว

แต่ด้วยเหตุที่พวกเขามีกุนซือที่ชื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด มันจึงมีความน่าสนใจขึ้นมาทันทีเนื่องจากวันอังคารนี้ สตีวี่ จี ต้องคุมทีมเปิดบ้านต้อนรับ ลิเวอร์พูล อดีตสโมสร แถมนัดปิดซีซั่นเขาต้องพาทีมบุกไปเยือน แมนฯ ซิตี้ ในวันที่ 22 พ.ค.ด้วย

ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยทั้งนั้นว่า เจอร์ราร์ด ตั้งเป้ากลับไปเป็นผู้จัดการทีมของถิ่น แอนฟิลด์ สืบแทน เจอร์เก้น คล็อปป์ และในฐานะอดีตกัปตัน เร้ด แมชีน เขาจึงมีความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ กวาร์ดิโอล่า อย่างแน่นอนที่สุด

6.แผงรุกของ หงส์แดง

จากผลงานการถล่ม วัตฟอร์ด 5-1, ลีดส์ 4-0 และ นิวคาสเซิ่ล 5-0 ในการลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก สามนัดหลัง ส่งผลให้ แมนฯ ซิตี้ พลิกแซงนำ ลิเวอร์พูล ในเรื่องผลต่างประตูได้เสียเป็นสี่ลูกแล้ว

ถึงขณะนี้ พวกเขาสามารถปราชัยได้อีกเกมโดยจะยังคว้าแชมป์มาครองได้หากมีผลต่างประตูได้เสียที่เหนือกว่า

กระนั้นก็เถอะ หาก เรือใบสีฟ้า เกิดสะดุดขึ้นมา ลิเวอร์พูล อาจฉวยโอกาสแซงหน้าด้วยผลต่างประตูได้เสียเช่นกันหากจะมองไปที่อันดับดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นนี้

จากห้าอันดับแรก ขุนพล หงส์แดง ครองพื้นที่นี้ได้มากถึงสามรายทั้ง โม ซาลาห์ (22) , ดีโอโก้ โชต้า (15) และ ซาดิโอ มาเน่ (14) ขณะที่อีกสองรายได้แก่ ซน ฮึง มิน (20) และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (18)

ยิ่งไปกว่านั้น อย่าลืมว่า ลิเวอร์พูล มีปีกตัวอันตรายที่ถูกดึงเข้ามาเมื่อช่วงปีใหม่อย่าง หลุยส์ ดิอาซ เป็นตัวทีเด็ดเพิ่มอีกด้วย

7.เรื่องแปลกเกิดขึ้นได้เสมอ

นับตั้งแต่ กวาร์ดิโอล่า เข้ามาอาละวาดใน พรีเมียร์ลีก เขาช่วยยกระดับลีกเมืองผู้ดีอย่างเห็นได้ชัดกับการพาทีมคว้าแชมป์ด้วยการโกยแต้มได้อย่างมหาศาล

ไม่เพียงเท่านั้น ในซีซั่น 2018/19 ผู้จัดการทีมเลือดกระทิงยังพา เรือใบสีฟ้า ชนะรวดใน 14 นัดสุดท้ายปาดหน้า ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ไปครองได้ด้วยโดยในนัดปิดซีซั่นทีมของเขาบุกไปขยี้ ไบรท์ตัน 4-1 แม้จะโดนยิงประตูก่อน

มองกันตามเนื้อผ้าและความน่าจะเป็น แมนฯ ซิตี้ น่าจะทำได้อีกในซีซั่นนี้

อย่างไรก็ดี ไม่มีมนุษย์คนไหนรู้ล่วงหน้าได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอย่างเกมกับ เรอัล มาดริด ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก รอบตัดเชือก แมนฯ ซิตี้ ไม่ได้ด้อยไปกว่า ราชันชุดขาว เลย แต่สุดท้ายก็โดนเขี่ยตกรอบ

ด้วยเหตุนี้ ความงดงามของเกมลูกหนังจึงอยู่ที่ว่าต่อให้ทีมหนึ่งสามารถครองบอลได้มากถึง 70% พวกเขาก็มีสิทธิ์แพ้ได้หากส่งบอลเข้าประตูคู่แข่งได้น้อยกว่าที่โดนยิง

ฉะนั้นแล้ว มันจึงยังไม่มีอะไรแน่นอนทั้งนั้นสำหรับการแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นนี้อย่างที่ แมนฯ ซิตี้ เองเคยแสดงให้เห็นมาแล้วเมื่อสิบปีก่อนซึ่ง เซร์คิโอ อเกวโร่ ยิงประตู คิวพีอาร์ ได้ในช่วงทดเวลาพา เรือใบสีฟ้า ปาดหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไปครองได้ด้วยผลต่างประตูได้เสียที่เหนือกว่า


ดูข่าวต้นฉบับ