วิจารณ์สนั่น ทำแผน “น้องไข่เน่า” เหมือนเป็นคดีอุกฉกรรจ์

กรุงเทพฯ 22 ก.ย.-กรณี “น้องไข่เน่า-แฟนหนุ่ม” สังคมยังถกไม่เลิก โดยเฉพาะประเด็นเรือนร่างว่าทุกคนควรมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้หรือไม่ และประเด็นบุกจับ และคุมตัวน้องไข่เน่าทำแผน ว่าต้องทำคดีนี้เหมือนเป็นคดีอุกฉกรรจ์เลยหรือ

ตำรวจไซเบอร์ได้พาตัวน้องไข่เน่า และแฟนหนุ่ม ไปชี้จุดทำแผนประกอบรับสารภาพที่คอนโดฯ ซึ่งเป็นจุดที่ทั้งคู่ถ่ายทำคลิป 18+ เผยแพร่ลงเว็บไซด์ OnlyFans และภายในห้องนอกจากเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป สิ่งที่เกี่ยวโยงกับการทำคลิป มีเพียงอุปกรณ์ในการถ่ายทำคลิปลับ ขาตั้งกล้อง และตุ๊กตาหมีสีม่วงที่วางอยู่บนเตียง ซึ่งหมีสีม่วงตัวนี้ ส่วนใหญ่จะปรากฏในคลิปวาบหวิวของน้องไข่เน่าอยู่เสมอ แม้ภาพที่ปรากฏจะดูเหมือนการทำแผนโดยทั่วไป แต่สร้างเสียงวิจารณ์สนั่นโซเชียล เพราะหลายคนมองว่า ตำรวจไซเบอร์พาทั้งคู่ไปทำแผนเสมือนเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ อย่างเพจ drama-addict ก็ถึงขั้นแชร์ข่าวพร้อมเขียนข้อความ ถถถถถถ ขณะที่ในคอมเมนท์ก็แสดงความเห็นว่าไปถึงว่า คดีของน้องไข่เน่าไม่ได้รุนแรง การที่มีคนถ่ายคลิปมีอะไรกันไปเผยแพร่ต้องไปทำแผนด้วยหรือ บ้างก็ยกตัวอย่างคดีอดีตผู้กำกับโจ้ ที่จนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นมีการทำแผน และเงียบจนแทบไม่มีความเคลื่อนไหว ส่วนคดีข่มขืน รุมโทรม ที่ยังค้างคาอีกหลายคดี ก็ไม่เห็นตำรวจทำงานเร็วขนาดนี้ ยิ่งไปกว่าบางคนถึงขั้นแซวว่า ทำแผนจริงจังขนาดนี้ คงต้องทำท่าทางประกอบแบบในคลิปเลยหรือไม่

โฆษณา – อ่านบทความต่อด้านล่าง

โฆษณา – อ่านบทความต่อด้านล่าง

อย่างไรก็ตาม แม้จะเกิดเสียงวิจารณ์สนั่น แต่ตำรวจไซเบอร์ยังยืนยันว่าปล่อยผ่านไม่ได้ คดีนี้ต้องทำ เพื่อจรรโลงศีลธรรมอันดีในสังคมไทย นอกจากนี้ พันตำรวจเอก ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก สตช. ยังเคยย้ำว่า ตามที่มีบุคคลที่เรียกตัวเองว่า เซ็กซ์ครีเอเตอร์ (Sex Creator) หรือพอร์นฮับเบอร์ (Porn hubber) นำภาพหรือคลิปของตัวเองในลักษณะลามกอนาจาร เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ผ่านแอป หรือเว็บไซต์อย่าง OnlyFans และกลุ่มลับ ที่เปิดรับสมาชิกและเรียกเก็บค่าเข้ากลุ่ม เพื่อรับชมคลิปหรือภาพลามกอนาจาร โดยผู้ที่ปรากฏในคลิป ผู้ผลิต หรือ ผู้นำคลิปไปเผยแพร่ได้รับประโยชน์เป็นค่าตอบแทน ถือว่า “มีความผิดตามกฎหมาย” และที่ผ่านมาตำรวจได้จับกุมผู้กระทำผิดมาตลอด ไม่ใช่เฉพาะเคสน้องไข่เน่า ย้ำ แม้การกระทำดังกล่าวในหลายประเทศอาจไม่เป็นความผิด แต่สำหรับประเทศไทย กฎหมายได้บัญญัติไว้เป็นความผิดอย่างชัดเจน ขอให้เข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ

รวมถึงอธิบายข้อกฎหมายว่า กรณีผู้ปรากฏในสื่อลามกเป็นผู้ใหญ่ (อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป) กระทำการเพื่อประสงค์แห่งการค้าฯ นำเข้า ผลิต เผยแพร่สื่อลามกอนาจาร มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287 (1) ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากนำข้อมูลลามกอนาจาร เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ในลักษณะที่ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(4) ระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากครอบครองสื่อลามกที่บุคคลในสื่อลามกอายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมาย ยกเว้น ครอบครองสื่อลามกเด็ก (อายุต่ำกว่า 18 ปี) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287/1

โฆษณา – อ่านบทความต่อด้านล่าง

ซึ่งในข้อกฎหมายเรื่องการผลิตและเผยแพร่ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นั้นเป็นข้อหาที่ตำรวจแจ้งกับน้องไข่เน่า และแฟนหนุ่ม โดยยืนยันว่า แม้ทั้งคู่ให้การภาคเสธ ยอมรับข้อหาแรก แต่ไม่ยอมรับเรื่องเผยแพร่ แต่ตำรวจมีหลักฐานยึดโยงจากข้อกฎหมาย ไม่ได้ใช้ดุลยพินิจส่วนตัว การนำเนื้อหาลักษณะลามกอนาจารไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า เพราะค่าตอบแทนที่ดีในวันนี้ เป็นเพียงยาพิษเคลือบน้ำตาล ที่จะตามส่งผลร้ายในอนาคต

ส่วนคดีน้องไข่เน่า ตอนนี้แม้ได้ประกันตัวไป แต่ตามกฎหมาย คดียังต้องดำเนินต่อไป โดยตำรวจจะเร่งทำสำนวนให้เสร็จในกรอบเวลา 60 วัน ก่อนสรุปสำนวน และส่งให้อัยการ จากนั้นอัยการจะพิจารณาว่าจะสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้อง พยานหลักฐานรัดกุมแล้วหรือไม่ หากเห็นควรสั่งฟ้องก็จะส่งคดีไปให้ศาลต่อไป

แต่อย่างที่บอก ไม่ว่าตำรวจจะพูดอย่างไร สังคมก็ยังมองในมุมมองที่หลากหลาย ล่าสุด อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 ออกมาแสดงความเห็นถึงประเด็นดังกล่าวผ่านทวิตเตอร์ว่า “ด้าเชื่อว่า Sex Workers เป็นอาชีพหนึ่งที่ควรได้รับการคุ้มครองและมีสิทธิเท่าเทียมกับอาชีพอื่นๆนะคะ ชีวิตเรา ร่างกายเรา เรามีสิทธิ์เลือก เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ #mybodymychoice” .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวต้นฉบับ